Compound Words

Compound Word แปลว่า “คำประสม” คือคำนามที่ไปรวมกับคำอื่น เช่น รวมกับคำนามด้วยกันเอง รวมกับคำคุณศัพท์ รวมกับคำวิเศษณ์ เป็นต้น แล้วทำให้คำที่รวมกันนั้นเกิดเป็นคำประสมขึ้นมา

Compound Word แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ตามลักษณะของคำคือ

1.    Compound Noun        คือ        คำที่ประสมกันหรือรวมกันแล้วจะทำหน้าที่เป็นนามหรือใช้อย่างนาม ซึ่งอาจเกิดมาจากการประสมกันดังต่อไปนี้ คือ

1.1          Noun + Noun (นามประสมกับนาม) แบ่งออกได้อีก 5 ชนิดย่อยๆ คือ

1.1.1  นามตัวแรกจะบอกให้รู้ว่านามตัวหลังทำจากอะไร เช่น

a glass bottle             = ขวดน้ำ                       (a bottle made of glass)

a leather hat              = หมวกหนัง                  (a hat made of leather)

a diamond ring         = แหวนเพชร                 (a ring made of diamonds)

an iron gate                 = ประตูเหล็ก                 (a gate made of iron)

1.1.2  นามตัวแรกบอกสิ่งที่ขาย นามตัวหลังบอกอาชีพ เช่น

a book seller                = คนขายหนังสือ             (a sellers of book)

a dressmaker               = ช่างตัดเสื้อ                 (a maker of dresses)

a rice merchant           = พ่อค้าข้าว                  (a merchant of rice)

1.1.3  นามตัวแรกเป็นของบรรจุไว้ นามตัวลังเป็นภาชนะสำหรับใส่ เช่น

a flower vase                = แจกันดอกไม้               (a vase for flowers)

a wine bottle                = ขวดเหล้าไวน์              (a bottle for wine)

a petrol barrel             = ถังน้ำมันรถ                (a petrol for barrel)

a fruit basket                = ตะกร้าผลไม้               (a basket for fruit)

1.1.4  นามตัวหลังมีความสัมพันธ์กับนามตัวแรก เช่น

a reference book                  = หนังสืออ้างอิง            (a book of reference)

a record-player                    = เครื่องบันทึกเสียง        (a player of records)

a light switch                        = ที่เปิด-ปิดไฟ               (a switch of light)

1.1.5  นามตัวหน้าบอกให้ทราบสถานที่ของนามตัวหลัง เช่น

a park pool                  = สวนสาธารณะ           (a pool in a park)

a country man             = คนชนบท                   (a man in a country)

a shop assistant          = ผู้ช่วยเจ้าของร้าน        (an assistant in a shop)

a garden furniture     = เครื่องประดับสวน       (furniture in a garden)

1.2          Present Participle or Gerund + Noun (กริยาเติม ing ประสมกับนาม) เช่น

a dancing- teacher     = ครูสอนเต้นรำ           (a teacher who is dancing)

the following- year    = ปีต่อไป                      (a year which follows)

a racing-horse             = ม้าแข่ง                      (a horse that (which) races)

a sewing-machine      = จักรเย็บผ้า                 (a machine that sews)

a swimming-pool       = สระว่ายน้ำ                 (a pool for swimming)

1.3          Noun + Verb เติม er, หรือ or เป็นคำนามประสมได้ เช่น

a shopkeeper              = เจ้าของร้าน                (a person who keeps a shop)

a hairdresser              = ช่างทำผม                  (a person who dresses hair)

a bus driver                = คนขับรถเมล์            (a person who drives a bus)

a hair dryer                 = เครื่องเป่าผม            (a thing that dries hair)

1.4          Verb เติม er + บุรพบท เป็นคำนามประสมได้ เช่น

a passer-by                  = คนที่สัญจรไปมา

a looker-on                  = คนดู

1.5          Noun + บุรพบท + Noun เป็นคำนามประสมได้ เช่น

a man-of-war              = เรือรบ

a sister-in-law             = ลูกสะใภ้     

2.    Compound Adjective             คือ        คำที่ประสมกันแล้วทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์หรือเป็นคุณศัพท์เพื่อไปขยายนามหรือสรรพนาม วิธีประสมกันเมื่อเป็น Compound Adjective มีดังต่อไปนี้

2.1          Adjective + Noun เติม ed แล้วใช้เป็นคุณศัพท์ประสมได้ เช่น

a middle-aged man             = ชายวัยกลางคน

a red-nosed boy                   = เด็กจมูกแดง

a bad-tempered woman     = ผู้หญิงเจาอารมณ์

an old-fashioned idea         = ความคิดล้าสมัย

2.2          Noun + Adjective แล้วใช้เป็นคุณศัพท์ประสมไปขยายนามได้ เช่น

the stone-cold floor             = พื้นเย็นเหมือนกับหิน

nut-brown eyes                             = นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม

a blood-red dress                = ชุดแต่งตัวสีแดงเหมือนเลือด

2.3          Adjective + Adjective แล้วใช้เป็นคุณศัพท์ประสมได้ เช่น

a tall-dark man                    = ชายร่างสูงผิวคล้ำ

bitter-sweet cake                 = เค๊กมีรสขมๆ หวานๆ

brown-grey beard               = เคราสีน้ำตาลปนเทา

2.4          Noun + Noun ที่ไปขยายนามด้วยกันนั้นถือเป็นคุณศัพท์ประสมได้ เช่น

a sound-proof room            = ห้องเก็บเสียง

water-proof cloth                = ผ้ากันน้ำ

water-proof glass                 = กระจกกันน้ำได้

2.5          Adjective + Noun ที่ไปขยายนามถือเป็นคุณศัพท์ประสมได้ เช่น

a heavy-weight boxer         = นักมวยรุ่นเฮฟวี่เวท

upper-class people              = ชนชั้นสูง

2.6          Noun (หรือ adjective, adverb) + Past Participle ถือเป็นคุณศัพท์ประสมได้ เช่น

the snow-covered mountain       = ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ

a well-trained horse                      = ม้าที่ฝึกดีแล้ว

a ready-made shirt                        = เสื้อที่ตัดเรียบร้อยแล้ว

a badly-written letter                   = จดหมายที่เขียนไม่ดี

2.7          Noun (หรือ adjective, adverb) + Present Participle ถือเป็นคุณศัพท์ประสมได้ เช่น

grass-cutting machinery              = เครื่องมือตัดหญ้า

a quickly-growing baby               = เด็กที่เจริญเจริญเติบโตเร็ว

 a high-flying aero plane              = เครื่องบินที่บินสูงได้

night-blooming flowers               = ดอกไม้ที่บานในยามราตรี

2.8          Given phrases (วลีที่ให้มา) + Noun ถือเป็นคุณศัพท์ประสมได้ เช่น

a broken-hearted man                 = ชายที่อกหัก

a worth-while experiment           = การทดลองที่มีค่า

a six-year-old boy                          = เด็กชายที่มีอายุ 6 ปี

an up-to-date radio                       = วิทยุที่ทันสมัย

the midnight-urgent news           = ข่าวด่วนเที่ยงคืน

2.9          คุณศัพท์ประสมอาจเป็นรูปอื่นๆก็ได้ เช่น

a three-hour work                         = การทำงาน 3 ชั่วโมง

a twenty-minute conversation   = การสนทนากินเวลา 20 นาที

หลักการเขียนคำประสม

          การเขียนคำประสมพอจะแยกได้เป็น 3 แบบ คือ

1.    เขียนติดกันเป็นคำคำเดียว เช่น

-         postcard                                -        grandfather

-         toothbrush                            -        housework

-         salesman                               -        football

-         homework                             -        headmaster

2.    เขียนแยกจากกันโดยไม่มีขีดกั้น เช่น

-         snow man                             -        taxi meter

-         mother tongue                      -        morning market

-         office hours                           -        shop house

3.    เขียนแยกจากกันเป็น 2 คำโดยมีขีดกั้น เช่น

-         fire-engine                            -        room-mate

-         money-order                        -        tea-time

-         time-table                             -        team-work

-         sun-dial                                 -        snow-storm

4.    คำผสมเกิดจาก Verb-ing + Noun มักจะเขียนแยกกันโดยใช้ขีดกั้นเสมอ เช่น

-         swimming-pool                    -        dining-room

-         dancing-room                       -        weight-machine

-         sewing-machine                   -        singing-room